โฆษณาน่่าสนใจ-ช่วยคลิ๊กให้ด้วยครับ เพราะเจ้าของบล็อกจะได้รับค่าโฆษณาตอบแทนครับ

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฝ่าด่านอรหันต์ การถูกปฏิเสธซ้ำซาก



ฝ่าด่านอรหันต์

การถูกปฏิเสธซ้ำซาก



      หลังจากชอกช้ำเพราะ “ขายไม่ได้” ในรายแรก ผมก็เริ่มรู้สึกแหยงๆไปเหมือนกัน ความรู้สึกนั้นมันบรรยายไม่ถูกหรอกครับว่ามันเป็นอย่างไร คนขายประกันเท่านั้นที่จะรู้และเข้าใจมัน ผมก็เลยไม่ยอมออกไปพบลูกค้าอีกหลายวันทีเดียว จน “ครูแขก” เพื่อนคนหนึ่งมันพูดว่า

      “เฮ้ย! ไอ้ต๊ะ ได้ข่าวว่ามึงจะไปขายประกันเหรอ”

      “ฮื่อ! ทำไมล่ะ?” ผมถามกลับไปบ้าง

     

“กู ว่า มึงน่ะทำไม่ได้หรอก ยากนะมึง กูเคยไปขายมาแล้ว แม่งงขายไม่ได้เลยว่ะ มึงอย่าเสียเวลาไปทำเลย ความจริงเราก็ไม่ได้ขัดสนอะไรนักหนานี่หว่า พอมีกินมีใช้ไปวันๆก็พอแล้ว เออ เย็นนี้ไปบ้านครูสมบัติไหม มันถูกหวยก็เลยนัดกันว่าจะไปล้มทับมันสักหน่อย”

มันจบลงด้วยการชวนไปกินเหล้าตามเคย ผมก็ปฏิเสธมันไปตามเคยเช่นกัน แบบว่าช่วงนั้นเป็นช่วงสะสมเงินแต่งงานครับ งดใช้เงินทุกกรณี



แต่คำพูดเชิง “ดูถูกดูแคลน” ของเพื่อน ที่บอกว่า “ผมทำไม่ได้หรอก ขนาดมันยังทำไม่ได้เลย” นั้นมันกระตุ้น “ต่อมงื้ด” ของผมเข้าให้ เพราะหัวใจของผมมันตะโกนสวนไปทันทีว่า

“เดี๋ยวกูจะขายให้มึงดู!





จากเหตุการณ์วันนั้นเอง เจ้ามอเตอร์ไซด์ของผม จึงเริ่มพาผมไปพบผู้มุ่งหวังรายต่อไปทันที ผู้มุ่งหวังคนนี้ เป็น “นักการเมืองท้องถิ่น”   ซึ่งสนิทสนมกับคุณพ่อและคุณแม่ของผม ผมเรียกเขาว่า “อาศักดิ์”

      เมื่อผมขับมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ เข้าบ้านนักการเมืองใหญ่ รปภ. ก็ยอมให้ผ่านโดยดี เพราะผมเคยเข้าออกบ้านหลังนี้กับ พ่อและแม่ เสมอๆ

      “อาศักดิ์ อยู่ไหม?” ผมถาม รปภ. ที่หน้าบ้าน

      “อยู่ครับครู” ยามบอก ผมจึงกล่าวขอบคุณแล้วเข้าไปในบ้าน เห็นอาศักดิ์ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกด้านหน้า

      “สวัสดีครับ คุณอา” ผมกล่าวสวัสดีทักทาย อาศักดิ์ หันมายิ้มและยกมือรับไหว้

      “อ้าวต๊ะมีอะไรหรือเปล่ามาแต่วันเลย” ผมนั่งลงที่โซฟาที่อยู่ด้านข้างของแก แล้วบอกว่า

      “ครับอา คือ ตอนนี้ผมทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิตอยู่ด้วยครับ จึงอยากเอาโครงการดีๆมาเสนอให้กับอาได้พิจารณาครับ” ผมบอกไปตามตรง

      “อ้าวนี่ต๊ะเป็นตัวแทนประกันด้วยหรืออา ก็ว่าดีนะ จะได้มีเงินมีทองเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง อาว่าเงินเดือนครูอย่างเดียวมันน้อยไปหน่อยนะ แต่อาคงทำไม่ได้หรอก บริษัทประกันเขาไม่รับประกันอาแล้วล่ะ” แกคุยกับผมอย่างกันเอง แต่ผมเกร็งแทบแย่ครับ

      “ทำไมล่ะครับอา”

      “ก็อาเป็นทั้งความดัน เบาหวาน หัวใจ และก็ไทรอยด์น่ะซิ บริษัทของต๊ะจะรับไหมล่ะ?” แกกระเซ้าถาม

      “โอ้โห ผมดูแล้วคุณอาก็แข็งแรงดีนี่ครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะขนาดนี้” ผมได้ยินเข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อแล้วครับ

      “โอ้ย..อา ต้องกินยาวันละหลายกำมือเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ น่าจะตายเพราะยามากกว่าจะตายเพราะโรคว่ะ เอาเป็นว่า ถ้าใครสนใจทำประกัน แล้วอาจะโทรไปบอกต๊ะนะ เออบางทีก็จะบอกผ่านไปทางพ่อแม่ของต๊ะก็ได้นี่ เจอกันทุกวันอยู่แล้ว”

“แล้ว อาเบ็ญ ทำประกันแล้วหรือยังครับ” ผมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เลยถามถึงภรรยาของแกด้วย


“ขานั้นอย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ อาเบ็ญ แกโครตเกลียดประกันเลยว่ะ ตัวแทนเข้ามาบ้านทีไร ก็โดนแกไล่ออกไปทุกที ปล่อยแกไปเถอะ ฮ่าๆๆๆๆ เอาน่าเดี๋ยวอาจะมองหาลูกค้าให้ ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ช่วยหลานแล้วจะไปช่วยใครวะ” แกพยายามพูดให้กำลังใจ

“ขอบคุณครับอา ถ้างั้นผมขอลาเลยนะครับ สวัสดีครับ” หลังจากล่ำลาเสร็จ ผมก็ขับรถมอเตอร์ไซด์ออกมาด้วยความชอกช้ำอีกครั้ง

“หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่ไอ้แขกเพื่อนผมมันพูดจริงๆ”





      แต่ด้วยความอยากจะเอาชนะคำดูถูกของเพื่อน และคำพูดของหัวหน้าที่บอกกับผมว่า

“การขายเป็นสถิติ และสถิติการขายก็คือ 10 ต่อ 1 หมายความว่า ขาย 10 คน จะขายได้เพียง 1 คน เท่านั้นเอง แต่เพียง 1 คน ที่ขายได้ ก็คุ้มค่ากับการ 9 ราย ที่ไม่ซื้อแล้ว”

ผมก็เลยยังไม่กลับเข้าบ้าน แต่ขับเลยไปหาลูกค้ารายต่อไป แล้วบอกกับตัวเองในใจว่า



     “ถ้าวันนี้ขายไม่ได้จะไม่เข้าบ้าน!

     

      จากนั้น ผมก็ตระเวนเข้าไปพบคนที่ผมรู้จักมักคุ้นทั้งหลาย ทั้งเพื่อน ญาติ และคนรู้จักกัน ตั้งใจว่าจะขายให้ครบ 10 คน เพื่อจะได้มีคนซื้อผมสัก 1 คน ตามที่หัวหน้าบอก

รายที่ 3 รายที่ 4 จนถึงรายที่ 9 ผ่านไป ผมก็ได้พบกับข้อโต้แย้งเพิ่มขึ้นมาอีกหลายข้อทีเดียว เช่น ไม่มีเงิน ฝากธนาคารดีกว่า (ตอนนั้นดอกเบี้ยธนาคารสูงกว่า 10% ทีเดียวครับ) ขอปรึกษาภรรยาก่อน เป็นการแช่งตัวเอง ทำไว้เยอะแล้ว กลัวว่าต่อไปจะส่งไม่ไหว ฯลฯ

.
ถึง เวลานี้ ผมรับรู้ได้ว่า ใบหน้าของผมเริ่มแข็งแรงมากขึ้น หัวใจของผมเริ่มตายด้านต่อความรู้สึกยิ่งขึ้น เพราะผมยังคงมีความหวังว่า เดี๋ยวรายที่ 10 ก็ต้องซื้อ

.

รายที่ 10 ที่ผมเข้าไปพบนั้น เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากคนหนึ่ง มีชื่อเล่นว่า “เฮ้า” มันเป็นลูกคนมีกะตังค์ พ่อแม่ของมันเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านหลายแห่ง ในหลายจังหวัด ตัวมันเองก็เรียนและจบมาจากมหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อที่กรุงเทพ ขับรถเก๋ง BMW 325i

.

เมื่อผมเข้าไปหามันที่บ้าน มันก็กำลังง่วนอยู่กับของเล่นราคาแพงชิ้นใหม่ คือ มอเตอร์ไซค์ช๊อปเปอร์ คันใหญ่สีดำ ตกแต่งโครเมียมเงาวับ

“เฮ้ย! ไอ้ ต๊ะ มึงมาก็ดีแล้ว เดี๋ยวมึงช่วยกูยกตู้ปลานี่ย้ายออกไปหน่อย ก็จะทำที่จอดรถช๊อปเปอร์ของกูว่ะ” แบบว่าตอนแรกมันบ้าตู้ปลาน่ะครับ แต่ตอนนี้ตู้ปลาราคาแพงคงตกกระป๋องไปเรียบร้อยแล้ว

“เออไอ้ห่พอก็มามึงก็ใช้เลยนะ ฮ่าๆๆๆ” ผมกระเซ้า แล้วก็ช่วยมันย้ายตู้ปลาออกไปจนเสร็จเรียบร้อย

“มึงว่าคันนี้เป็นไงบ้าง?” มันถามถึงของเล่นชี้นใหม่

“เออ กูว่าสวยดี กี่ตังค์วะ”

“มึงอย่ารู้เลย เอาเป็นว่ากว่ากูจะเม้มเงินพ่อได้ครบ หลายเดือนเลยว่ะ” มันเปรยๆให้ฟัง

“เออ ของกูแค่ ฮอนด้าดรีม ยังจะผ่อนไม่ไหวเลยว่ะ”

“แล้ววันนี้มึงมาหากู มีอะไรหรือเปล่าวะ”

“มีซิ แบบว่ากูอยากให้มึงทำประกันน่ะ ตอนนี้ก็เป็นตัวแทนว่ะ กะว่าจะหาเงินแต่งงาน ฮ่าๆๆๆ” ผมบอกกับเพื่อนไปตรงๆเช่นเดิม

“ไอ้บ้าเอ้ย! นี่ มึงจะให้กูทำประกันหรือไงวะ กูจะทำไปทำไม กูตายไปก็คงไม่มีใครเดือดร้อนหรอก พ่อแม่กูก็น่าจะดีใจด้วยมั๊ง ฮ่าๆๆๆ อีกอย่างเมียกูก็ยังไม่มี ไหนมึงบอกกูหน่อยซิว่า กูมีความจำเป็นตรงไหนวะ”

 .
คำพูดของมันทำให้ผมอึ้งไปเหมือนกัน เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่มีความจำเป็นจริงๆ แต่ผมก็พยายามหาทางออกโดยบอกกับมันว่า

“เออน่า อย่างน้อยทำไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลก็ได้”

“กู เนี่ยนะ กูแข็งแรงจะตายไป ไม่เคยป่วยเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง แต่ถ้าจะต้องเข้า พ่อแม่กูก็คงจะจ่ายให้กูอยู่ดีแหละ แล้วกูจะต้องไปกังวลอะไรวะ กูว่ามึงไปหาไอ้ตี๋ ดูสิ มันนะน่าจะทำนะ ลูกมันยังเล็กอยู่เลย”

“กูไปหามันแล้ว มันก็ทำประกันกับญาติมันไปแล้วทั้งครอบครัวเลย กูจึงมาหามึงนี่แหละ” ผมตอบ

“โอ้ยไอ้ต๊ะ กูบอกมึงเลยนะกูน่ะไม่ทำหรอก มึงไปขายกับคนที่เขามีความจำเป็นโน่น ส่วนกู เอาไว้กูมีเมียมีลูกก่อนกูจะทำประกันกับมึงแน่นอนกูรับรอง” มันสัญญิงสัญญาเป็นมั่นเหมาะ
.

หลังจากนั้นเราก็คุยเล่นกันต่ออย่างสนุกสนาน และผมก็ลากลับออกมา ด้วยหัวใจแหลกสลาย

“ทำไมขาย 10 คน แล้ว ยังขายไม่ได้เลยสัก 1 คน วะ หรือว่าจะไม่มีใครซื้อประกันกับเราจริงๆอย่างที่ไอ้แขก เพื่อนครูของผมมันบอก” คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวสมองของผม

.

“นี่ เราควรจะพยายามขายต่อไป หรือว่าจะเลิกขายประกันได้แล้ว ถ้าขายต่อไปจะขายได้ไหม และถ้าไม่ขายประกันจะหาเงินจากทางไหนมาขอสาวแต่งงานดีล่ะ

ผมต้องหาคำตอบให้ได้


...................................................................

5 ความคิดเห็น:

  1. บทความพี่ช่วยกระตุ้นผมใด้เหมือนกันครับ ตอนนี้ผมเป็นตัวแทนใหม่แต่เก่า
    จาก aia แต่มาเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทคนไทยครับ แบบว่าผมไม่มีตลาดธรรมชาติเท่าไหร่ แต่ก็สู้ครับ บทความพี่
    ทำให้ผมใด้คิดครับ..

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 มีนาคม 2557 เวลา 04:22

    สนุกจังเลยหนูเปนตัวแทนใหม่ค่ะ ยังไม่เคยขายเหมือนกันเพิ่งออกโคดมายังไม่กล้าเจ้าหาลูกค้าเลยค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ26 พฤษภาคม 2557 เวลา 08:49

    พึ่งเป็นตัวแทนๅขายเหมือนกันค่ะยังไม่ได้สักรายเลย เคลียดมากๆค่ะ

    ตอบลบ
  4. เป็นตัวแทนใหม่เหม็นกันครับครู ขอบคุณครับ


    ตอบลบ
  5. เป็นตัวแทนใหม่เหม็นกันครับครู ขอบคุณครับ


    ตอบลบ